คลังสื่อ

ก้าวข้ามขีดจำกัดของการเชื่อมต่อด้วย iPaaS 🌐🔗
    ยกระดับการจัดการข้อมูลและการเชื่อมต่อระบบในองค์กรของคุณได้อย่างง่ายดาย
    #BusinessIntegration #UCSiPaaS #CloudSolutions

           KVM Switch ย่อมาจาก Keyboard Video Mouse Switch เป็นอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้ควบคุมคอมพิวเตอร์หลายเครื่องจากชุดคีย์บอร์ด จอภาพ และเมาส์เพียงชุดเดียว ช่วยประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงาน ลดจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องใช้ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม

การทำงานของ KVM Switch

KVM Switch ทำงานโดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเข้ากับพอร์ตสลับสัญญาณ ผู้ใช้สามารถเลือกคอมพิวเตอร์ที่ต้องการควบคุมได้โดยใช้ปุ่มกด รีโมท หรือซอฟต์แวร์ เมื่อเลือกคอมพิวเตอร์แล้ว สัญญาณจากคีย์บอร์ด เมาส์ และจอภาพจะถูกส่งไปยังคอมพิวเตอร์ที่เลือกไว้เพียงเครื่องเดียว ทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้เหมือนกับว่าใช้คีย์บอร์ด เมาส์ และจอภาพที่เชื่อมต่อโดยตรง

ประเภทของ KVM Switch

มี KVM Switch หลายประเภทที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้ ประเภทที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่:

KVM Switch แบบใช้สาย: KVM Switch แบบใช้สายเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับสวิทช์ด้วยสายเคเบิล KVM Switch แบบใช้สายมักมีราคาไม่แพงและใช้งานง่าย 

ประโยชน์ของ KVM Switch

ประหยัดพื้นที่บนโต๊ะทำงาน: แทนที่จะต้องใช้คีย์บอร์ด เมาส์ และจอภาพแยกต่างหากสำหรับแต่ละคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้สามารถใช้ชุดคีย์บอร์ด เมาส์ และจอภาพเพียงชุดเดียวเพื่อควบคุมคอมพิวเตอร์หลายเครื่องได้

ลดจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องใช้: การใช้ KVM Switch ช่วยลดจำนวนอุปกรณ์ที่ต้องใช้บนโต๊ะทำงาน ซึ่งช่วยให้โต๊ะทำงานดูเป็นระเบียบเรียบร้อยและใช้งานง่ายขึ้น

เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: ผู้ใช้สามารถสลับไปมาระหว่างคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องถอดหรือเสียบปลั๊กอุปกรณ์ใดๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม

ควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกล: KVM Switch บางรุ่นสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์จากระยะไกลได้โดยใช้สาย LAN หรือสายเคเบิลพิเศษ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมคอมพิวเตอร์ได้จากทุกที่ในเครือข่าย

ความสำเร็จของโครงการ

          บริษัทได้ทำการดูแลติดตั้งอุปกรณ์บริหารจัดการระบบงานภายใน โดยนำ KVM Switch ซึ่งเป็นอุปกรณ์สลับควบคุมใช้งานคอมพิวเตอร์หลายเครื่อง ด้วยจอ คีย์บอร์ด เมาส์ ชุดเดียวกัน ช่วยประหยัดพื้นที่ ค่าไฟฟ้า ค่าซ่อมบำรุง และบุคลากร เพิ่มความสะดวกในการทำงานสำหรับลูกค้าจำนวน 18 สถานี เพื่อรวมระบบงานต่าง ๆ ที่ติดตั้งใช้งานให้สามารถแสดงสถานะการทำงานของระบบงานนั้น ๆ ได้บนจอภาพหน้าจอเดียว ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการ Monitor สถานะของระบบงานต่าง ๆ ภายในเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามสถานะ และแก้ไขปัญหาหากพบข้อชำรุด บกพร่อง ได้ทันเหตุการณ์

UCS รวมพลังผู้บริหารทุกส่วนเข้าร่วมในการประชุมและ Workshop เพื่อวางกลยุทธ์และตั้งเป้าหมายเพื่อเตรียมพร้อมขับเคลื่อนองค์กรในปี 2566 ก้าวไปสู่ความเป็นผู้นำด้านการให้บริการวางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารแบบครบวงจร

โดยผู้บริหารได้รับความรู้จากอาจารย์วรกิต เตชะพะโลกุล วิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านการวางระบบ Performance Management System เพื่อนำไปใช้ในการทำ Key Performance Indicator ขององค์กร

Ransomware คือมัลแวร์ประเภทหนึ่ง ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลของผู้ใช้งาน แต่จะทำการเข้ารหัสหรือล็อกไฟล์ ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร รูปภาพ วิดีโอ ผู้ใช้งานจะไม่สามารถเปิดไฟล์ได้ มองง่าย ๆ คือการเรียกเงินค่าไถ่จากเหยื่อ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับรหัสสำหรับปลดล็อค เพื่อให้สามารถกลับมาควบคุมไฟล์หรือระบบได้ตามเดิม ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องจ่ายในรูปของเงินสกุลเงินดิจิตอล(Cryptocurrency) เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ที่ไม่สามารถระบุปลายทางได้ ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าหากเราชำระเงินไปแล้ว แฮกเกอร์จะส่งคีย์ที่ใช้ในการปลดล็อคไฟล์ให้กับเรา

📌UCS จัดกิจกรรมอบรมพิเศษสำหรับพนักงานของเรา หัวข้อ รู้ลึก ศาสตร์ฮวงจุ้ย "เคล็ดลับพลิกธุรกิจสู่พันล้าน" 💸💸

🔹ให้เข้าใจหลักการของฮวงจุ้ยและสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานได้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นอยู่ พัฒนาชีวิต ความสุข ความเจริญ ให้ดียิ่งๆขึ้นไป 
🔹ใช้หลักธรรมชาติสมดุลมาใช้เพื่อปรับพลังชีวิต เป็นแนวทาง และเป็นแรงจูงใจในการทำงาน เพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
🔹ขอบคุณวิทยากร อาจารย์นันทวัฒน์ มั่นคง ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์ฮวงจุ้ยและโหงวเฮ้งที่ได้ให้ความรู้อย่างครบถ้วนในทุกแง่มุมของศาสตร์ฮวงจุ้ย! 

📸 ภาพบรรยากาศการรับประทานอาหารร่วมกันของพนักงานและเหล่าผู้บริหาร😄

ประสิทธิภาพของระบบเครือข่ายนั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของประสบการณ์การใช้งาน Internet และ Application ของผู้ใช้ ในฐานะผู้ให้บริการต้องมีความสามารถในการควบคุมประสิทธิภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้งานได้สำหรับทุก ๆ การใช้งานได้แบบ Real time ไม่ว่าระบบเครือข่ายจะมีขนาดใหญ่แค่ไหนมีสาขามากน้อยเพียงใด หรือมีผู้ใช้งานจำนวนเท่าใดก็ตาม ระบบต้องสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น SD-WAN จึงได้กลายมาเป็นความต้องการหลักในการดูแลระบบเครือข่าย

Software Defined Wide Area Networks หรือ SD-WAN ทำหน้าที่กระจายการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่มากกว่า 2 link ขึ้นไป โดยลักษณะการทำงานจะเหมือนกับการใช้ Load Balance Link แต่แตกต่างกันตรงที่ SD WAN สามารถจัดการแพ็กเก็ตในระดับ Application ได้ และจัดลำดับความสำคัญของการใช้งานตามที่ต้องการได้ ในขณะที่ Load Balance Link สามารถจัดการแพ็กเก็ตได้แค่ระดับ Data Link, Network และ Transport เท่านั้น (OSI Model)  ในขณะที่ SD-WAN ยังสามารถจัดการเครือข่ายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตทั่วทั้งธุรกิจและคาดการณ์ปัญหาคอขวดก่อนที่จะทำการส่งข้อมูล ทำให้องค์กรสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นไม่เกิดการติดขัดหรือหยุดชะงัก

SD-WAN สามารถจัดการโซลูชั่นของผู้ให้บริการโครงข่ายได้แบบอัตโนมัติ ซึ่งทำให้ไม่ต้องทำการเปลี่ยนระบบโครงสร้างพื้นฐานใหม่ทั้งหมด เช่น ถ้าหากลูกค้ารายหนึ่งได้ซื้อ SD-WAN จากบริษัท A การเชื่อมต่อภายในระบบทั้งหมดนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นของบริษัท A ลูกค้าสามารถเลือกใช้ระบบโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่มีอยู่ต่อไปได้ และ SD-WAN จะเข้ามาช่วยในการรวม Link ทั้งสองเข้าด้วยกัน ช่วยให้การใช้งานระบบทั้งหมดเป็นไปได้อย่างง่าย